25 มี.ค. 2558

บัวลอยไข่หวาน



แป้งบัวลอย   เป็นแป้งข้าวเหนียว แล้วแต่จะทำสีอะไรบ้าง สีม่วง-อัญชัญ หรือมันม่วง    สีเขียว-ใบเตย  สีฟ้า-อัญชัญ+น้ำมะนาวนิดเดียว  สีเหลือง-ฟักทองหรือมันไข่ สีแดง-กระเจี๊ยบหรือหัวบีทรูท  หลากสีแล้วแต่ วันนี้ได้เตรียมแป้งอยู่ 2 ตัว เพราะใบเตยไว้วันปั้นจะทำทีหลังสุด5555+
แป้งทำนวลไม่ให้แป้งที่ปั้นติดกันคือแป้งมันสำปะหลัง  ส่วนแป้งที่ทำบัวลอยคือแป้งข้าวเหนียว
นำฟักทองไปต้มกับน้ำใส่น้ำตาล ให้นุ่มแล้วจับชิ้นขึ้นมาบี้ๆ บดๆ กับแป้งข้าวเหนียว งานนี้บอกสูตรไม่ได้เพราะ ขึ้นอยู่กับน้ำในตัวของฟักทอง (ตัวฟักทองเนื้อเค้าจะนิ่ม) ที่ทำฟักทองประมาณ ½ กก  ไม่เอาน้ำนะ  พักให้พอเย็น สรุปใส่แป้งไปเกือบ ½ กก จับนวด ถ้ายังเกาะและๆ ตามภาชนะกับมือก็เติมแป้งไปอีกจนกว่าจะไม่ติดภาชนะ  เมื่อเสร็จก็เก็บใส่ถุงแช่ตู้เย็นรอไว้วันจะปั้น
แป้งเผือก นำเผือกต้มกับน้ำ ใส่น้ำตาล ให้นุ่มฟู แตกๆตัว ตักขึ้นมาไม่เอาน้ำ   พักพอเย็น แต่ตัวเผือกนี้น้ำในตัวเขาจะน้อย ตัวแป้งจะร่วนๆ ซุยๆ ไม่แฉะเหมือนฟักทองจะมีเพียงบางส่วนที่ติดเป็นเมือกๆที่มือ สังเกตดูว่าไม่แฉะก็ใช้ได้ เพราะถ้าวัดจากการดูที่ภาชนะไม่ได้จร้า มันติด อิอิ อีกอย่างเผือกที่ทำจะไม่บดให้ละเอียด คือบี้ๆ บดๆ ไม่เอาละเอียดชอบตอนที่เคี้ยวแล้วได้รสชาติกัดโดนชิ้นเผือกเล็กน้อย ^0^
ส่วนแป้งสีอื่นๆ ก็ใช้เป็นตัวแป้งข้าวเหนียวนวดกับตัวน้ำที่เราคั้นสีออกมาได้ (แต่ส่วนใหญ่เวลาทำ แป้งฟักทองเหลือก็จะเทน้ำใบเตยหรือน้ำอื่นใดที่ชอบลงไปผสมเติมแป้งก็จบ ^0^ ง่ายดี 55555+
เมื่อปั้นได้เป็นเม็ดๆ โรยแป้งมันไว้เพื่อกันไม่ให้ตัวแป้งบัวลอยติดกัน  ก่อนที่จะทำก็จับแป้งบัวลอยร่อนในตะแกรง (ขั้นตอนนี้ทำให้แป้งมันหลุดออกมาส่วนที่เกินไม่ติดพอกหนาๆจร้า)
เวลาต้มบัวลอย ตั้งน้ำเดือด (ใส่ต้นหรือใบเตยลงไปก็ได้แล้วแต่ชอบนะ) ใส่ตัวลูกแป้งบัวลอยลงไปตัมสุกก็จะลอยขึ้นมา คอยคนด้วยนะ เพราะเวลาแป้งหนักมันจะจมติดไหม้อยู่ก้นหม้อเดี๋ยวจะเหม็นไหมหมดหม้อจร้า  เมื่อลอยแล้วเตรียมน้ำเย็นไว้อีกตะหากจะทำให้ตัวแป้งขนมบัวลอยไม่ติดกันเวลาที่เราทำแบบเกาเหลาคือ ทยอยตักเสริฟทีละที่ แบบเขาขายอ่ะจร้า (ที่บ้านเราต้มเป็นหม้อๆทิ้งไว้กินทั้งวันเลย )


*****หมายเหตุ จำด้วยสำคัญมาก เผือกมันมียางหรืออะไรซักอย่างพิษของมันจะทำให้เราคันผิวหนัง วิธีไม่ให้คันคือล้างหัวเผือกให้หมดดินให้เกลี้ยงเลย ปอกแล้วห้ามล้างเป็นเด็ดขาด เราโดนมาแล้ว เข็ดมาก
  
วันทำจริงเมื่อทุกอย่างพร้อมสิ่งที่เตรียมก็ไข่หวาน
ทำน้ำเชื่อม ค่อนข้างเข้มข้น จับขิง 1-2 แว่นใหญ่ๆ ใส่ลงไปต้ม หรี่ไฟให้ร้อนเดือดแบบไม่ผุดเดือดพล่านไม่เอานะ เอาร้อนๆแบบเรื่อยๆ ตอกไข่ลงไปรอให้ไข่ขาวเปลี่ยนสี ตักขึ้นพักไว้ในน้ำเชื่อม  
น้ำกะทิไว้โรยหน้าขนม ปรุงรสให้หวาน ตัดเกลือเล็กน้อย
-สารภาพเลยที่บ้านแม่หมูหงส์ จับต้มๆๆๆๆ ตอนไหว้เจ้าก็จับตัวขนมสะเด็ดน้ำเย็นลงในหม้อน้ำกะทิที่ปรุงรสจัดไว้คนเดือดเสร็จเสริฟ จับไข่ลงไปวางชามละ 1 ฟอง ถ้าทำขายคงทำแบบนี้ไม่ได้ 5555+

ส่วนสูตรที่มีมะพร้าวอ่อนก็เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดมาเลยจร้า นำน้ำมะพร้าวอ่อนต้มทำน้ำบางส่วน (ที่บ้านใช้แต่เนื้อมะพร้าวอ่อนแช่ฟรีสตามแม็กโครตู้แช่ผลไม้ฟรีสมีขายนะ) ทำแล้วดูไฮโซดี นำมาต้มเดือดกับน้ำตาลก่อนแล้วปรุงใส่กับน้ำกระทิเลยจร้า



จัดการนึ่งฟักทอง หรือจะต้มก็ได้เร็วดี






แป้งที่ใช้คือแป้งข้าวเหนียว







แป้งนวลไม่ให้ติดกัน






น้ำใบเตยผสมกับแป้ง


ฟักทองนึ่งผสมกับแป้ง





เผือกผสมนวดกับแป้ง






กรณีที่แป้งมีน้ำน้อย ใช้ยังไม่หมดแนะนำให้ใส่ห่อถุงพลาสติก ไล่ลมออกจากถุง แช่ฟรีสก็ได้นะ ^0^






เริ่มปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ  คอยทาแป้งมันที่มือด้วยจ้า ไม่งั้นแป้งติดมือเป็นก้อนๆ เลย ปั้นออกมาก็จะไม่สวย   เมื่อปั้นครบทุกๆสีแล้วนำลงไปต้มในน้ำเดือด หมั่นคน เพื่อไม่ให้ตัวขนมติดกัน ข้อสังเกตุเมื่อขนมสุกตัวแป้งขนมจะลอย ให้ใช้กระชอนช้อนลงไปแช่พักไว้ในน้ำเย็น (ลืมถ่ายรูปไว้) เมื่อต้องการประกอบรวมร่างในการตักขนมในถ้วยก็จะตักทีละ หนึ่งรายการหรือจะต้มลงทีเดียวในน้ำกระทิก็ได้จ้า







ไข่ไก่   ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น  เวลาต้มไข่จะง่ายหน่อย




ตั้งหม้อน้ำเชื่อม ให้ร้อนเดือดอย่าให้เดือดพล่าน จะทำให้ตอกไข่ใส่แล้วไม่สวย บางครั้งแนะนำให้ปิดเตาก่อนแล้วค่อยเปิดเตาต้มไข่แบบไฟอ่อนๆจ้า




เวลาจะเสริฟ ต้มน้ำเชื่อม หวานเค็ม (ขอรสจัด) เมื่อเดือด ใส่กระทิสดลงไปให้มีความเข้มข้นหอมมัน เทเม็ดบัวลอยลงไปหรือจะตักใส่ชามราดน้ำกระทิ แล้วค่อยใส่ไข่หวานเลยจ้า
สำหรับบางสูตร บางคนใช้น้ำมะพร้าวอ่อนพร้อมเนื้อลงไปต้มเดือดแล้วค่อยเติมน้ำกระทิ ปรุงรส แล้วก็ไล่ตามขั้นตอนแบบเดิมคือเม็ดบัวลอยราดน้ำกระทิเติมไข่หวาน ^0^







ดูที่สีแล้วอาจจะยังใช้สีไม่มาก ^+++^ ตามหลักเผือกมักจะใช้สีของดอกอัญชัญ (สีม่วง )



รอบหลัง ทำเพิ่มสีสันมากมายอ่ะจ้า

******สีส้มมาจากฟักทอง+เฮลส์บลูบอยสีแดงจ้า หอม หวาน 555+ 

19 มี.ค. 2558

ไม่ใช่คลิป วิธีล้างทำความสะอาดกระเพาะหมู ^+++^






วิธีล้างทำความสะอาดกระเพาะหมู



ซื้อมา 2 ใบ ดิบๆ เลือกเอาแบบสวยๆเลย (หัวท้ายกระเพาะส่วนที่หนาที่สุดต้องอยู่ เพราะมันอร่อยมาก)





เลาะเอามันออกอย่าให้ผิวฉีก 



ขยำเกลือจนน้ำเมือกเหนียวๆออกแล้วขยำน้ำ นำไปฉาบในกระทะ 



สภาพหลังการฉาบกระทะจะมีคราบสีขาวและเหลืองๆ  



ลอกทิ้งโดยใช้มีดหรือช้อนขูดอย่าให้ผิวกระเพาะขาด (ไม่งั้นตอนตุ๋นยิ่งฉีก)


ล้างเมื่อทำความสะอาดเรียบร้อย



บุบพริกไทยขาวแตกแล้วยัดใส่ในกระเพาะ



ใช้ไม้กลัดกันพริกไทยกระจายออกมา 


เมื่อตุ๋นเสร็จ
เวลาต้มหมั่นกดกระเพาะหมูให้จมเพราะตอนกดอากาศในกระเพาะหมูจะออกมาแล้วดูดน้ำซุปเข้าไปเจอกับพริกไทย น้ำที่อยู่ในกระเพาะหมู หอม เผ็ด อร่อย  การต้ม ต้มเดือดประมาณ 40 นาที คอยกลับด้านทุกๆ 20 นาที  (ความเนียวหนุบหนับจะพอดี) ทั้งนี้ในน้ำซุปบางบ้านอาจจะมีกระดูกหมูสับเป็นท่อนๆ ลงไปต้มเพิ่มได้ แต่งานนี้เราใช้น้ำสต๊อกมาต้ม ให้ความหวาน ซดกันเพียวๆเลย

ขนมกุยฉ่ายแบบง่ายๆ แบบไม่ห่อ


ขนมกุยฉ่ายแบบง่ายๆ (ยังไม่มีเวลาจะทำแบบห่อเล่นแบบเร็วเลยจ้า)


กุยฉ่ายประมาณ 1 กก
เบกกิ้งโซดาประมาณ 1/2 ชช.  หรือผง กี (คนจีนเรียกกัน หรือตามตลาดก็เรียกผงกี)
เกลือประมาณ 1/2 ชช.
น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์ถาดที่จะนึ่ง
น้ำ (ไว้ผสมขนม)ประมาณ 2 ถ้วย หรือมากกว่า. ถ้ามากกว่านี้เพิ่มแป้งไปตามส่วนที่เขียน สูตรนี้เน้นผักเพราะซื้อเขากินมีแต่แป้งสีเขีนวกับกลิ่น
แป้งมัน 1 ส่วน
แป้งข้าวเจ้า  2 ส่วน
*** แป้งข้าวเจ้าถ้าใส่ 2 ถ้วย แป้งมันจะ 1 ถ้วย (ถ้วยอะไรก็แล้วแต่ ใส่ในอัตรา 2 ต่อ 1 )จำง่ายๆ

เราขอเพิ่มแป้งท้าวยายม่อมหน่อยนะ แป้งท้าวเพิ่ม 4 ชต.  เพิ่มตัวนี้ทำให้ตัวขนมมีความเหนียวหนึบขึ้น
ล้างทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้วสะเด็ดน้ำ จับหั่นท่อนๆ ใส่ชามตามด้วยเกลือและเบกกิ้งโซดา นวดจนใบจะออกช้ำๆ (ช่วงนี้กลิ่นของกุยฉ่ายแรงมากขึ้นจมูกเลย บางคนชอบนำไปผัดก่อน แต่เราไม่อยากผัดน้ำมันเพราะเดี๋ยวอาจจะส่งผลให้แป้งกับใบไม่จับตัวกันเลยผสมทุกๆอย่างตามขั้นตอนแล้วนำไปกวนในหม้อให้ตัวแป้งไม่ทิ้งตัวนอนก้น



หั่นท่อนรอปรุง 



ปรุงด้วยเกลือและเบกกิ้งโซดา 



นำขยำคลุกเคล้าให้เข้ากัน 


ขยำคลุกเคล้าให้เข้ากัน 



เติมแป้งกับน้ำนวดให้เข้ากัน 





นำไปตั้งเตาเพื่อให้แป้งสุกบางส่วน (เวลานึ่งแล้วผักไม่นอนก้น) 



เมื่อกวนเสร็จจับใส่ในพิมพ์ที่ทาด้วยน้ำมันพืช (จะได้ไม่ติดพิมพ์)



เมื่อนึ่งเสร็จสุกแล้วราดน้ำมันพืชเล็กน้อยตามขอบพิมพ์และหน้าพิมพ์เพื่อสวยงามและเอาออกจากพิมพ์ง่าย 


เย็นตัวแล้วแซะออกจากพิมพ์ 



ตัวผักจะกระจายอยู่ทั่วก้อนแป้ง ไม่ตกตะกอนแยกชั้น 
  เมื่อตักเสริฟเสริฟกับน้ำจิ้มที่ผสมระหว่าง -ซีอิ้วดำ  -น้ำตาลทรายขาว  -พริกน้ำส้ม (น้ำส้มสายชู+พริกสดปั่น)  -ซีอิ้วขาว หรือเกลือ   -น้ำเปล่าเล็กน้อย ทำให้เจือจาง ผสมรสชาติตามชอบ

ปากเป็ดทอด

ปากเป็ดทอด


1.ปากเป็ดซื้อมา 1กก.ล้างทำความสะอาดเอาพวกเทียนในหลอดลมเป็ดกับขนตามหนังปากล่างกับเปลือกลิ้นออก ล้างน้ำสะเด็ดน้ำ
2.น้ำตาลปี๊บนิดหน่อย  1 ชต พอปรุงรสหวานเล็กน้อย
3.ซอสถั่วเหลือง 1-2 ชต คลุกเคล้าแต่งสีให้น่ากิน
4.เกลือ 1/4-1/2 ชช. ปรุงรสเค็ม
5.ผงพะโล้ 1ชช.
6.เพื่อนรัก 3 โลก (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) 1 ชช (ที่ใส่น้อยเพราะไม่อยากให้กลิ่นกลบกลิ่นผงพะโล้
7.แป้งอเนกประสงค์ไว้โปรยๆ หน่อยเพื่อให้ปากเป็ดแห้งก่อนทอด

เมื่อล้างทำความสะอาดแล้วสะเด็ดน้ำ หันไปหมวดเครื่องปรุง จับเครื่องปรุงเครื่องเทศ เทใส่ละลายให้เข้ากัน ชิมรสให้เค็มนำหวานตาม หลังจากนั้นค่อยๆตวงราดคลุกเคล้าปากเป็ดให้ทั่ว ตามสูตรต่อ 1 กก. รับรองไม่เค็ม ก่อนทอดก็โปรยปรายตัวแป้งบางๆ (หรือจะซับน้ำที่ปากเป็ดออกด้วยผ้าแล้วโปรยแป้งบางๆทอดก็จะอร่อยอ่ะจ้า) บางสูตรเขาก็ผ่าปากเป็นแบ่งครึ่ง เลยจ้า ทอดง่ายกรอบทั้งอันเลย







ได้ของมามีทั้งน้ำเมือก ล้างทำความสะอาดให้ดี








เหลืองๆกาบเป็นหนังที่กินไม่ได้อยู่รอบๆปากเป็ด







จับคลุกเคล้าให้ทั่ว ก่อนทอดจับสะเด็ดน้ำปรุงทั้งหลายให้หมาดก่อนทอดหรือจะใช้แป้งเอนกประสงค์โรยเล็กน้อยเพื่อให้น่ากิน





ลงมือทอดให้สีออกเข้ม คอยคุมไฟเตาให้ดีๆหล่ะ



เมื่อทอดเสร็จก็เตรียมน้ำจิ้มได้เลย สะดวกสุดก็ซอสพริกศรีราชา


น้ำกระเจี๊ยบ




น้ำกระเจี๊ยบ

                       
กระเจี๊ยบสด แกะเมล็ดออก นำไปตากแดดให้สลด (เหี่ยวหมาดๆ)  1 กก
พุทราแดง10  เม็ด
น้ำตาลทรายปรุงหวานตามชอบ
เกลือเล็กน้อยพอตัดรสชาติ
หม้อต้มสเตนเลส (ไม่แนะนำให้ใช้หม้ออลูมิเนียม) เพราะกระเจี๊ยบเปรี้ยวกัดกล่อนสูงมาก

วิธีการทำ ใช้หม้อขนาดประมาณ 30 ซมใส่น้ำให้เกือบเต็ม ในกระเจี๊ยบลงต้มพร้อมกับพุทราแดง เมื่อเดือดจนสีของกระเจี๊ยบออกมาแดงสด ปรุงรสตามชอบ

***กระเจี๊ยบมีสรรพคุณในการขับปัสสวะ ขับนิ่งในกระเพาะปัสสวะ ปัญหาคือโหมไตมาก ส่วนที่ให้ใส่พุทราแดงลงไปเพราะพุทราแดงมีสรรพคุณบำรุงไต จึงมีสรรพคุณที่ทั้งล้างและบำรุงในน้ำสมุนไพร




                                     กระเจี๊ยบสดๆ แกะเมล็ดออก (เมล็ดเก็บตากแห้งไว้ปลูกต่อ)







 ตากแห้งสลด





ต้มให้เดือดสีให้ได้ และปรุงรสตามชอบ






                                                           เมื่อเย็นตักเสริฟพร้อมน้ำแข็ง



ปลูกข้าวโพดกินกันจ้า

มาปลูกข้าวโพดกินกันดีกว่าจ้า ปลอดสารแน่นอน 


จากการลงทุนซื้อเมล็ดข้าวโพดเทียนมา 1 ห่อ ได้กินเร็วดีจังอายุเก็บเกี่ยวตามหน้าซองเลย เพียงแต่ข้าวโพดชอบแสงแดดมากๆด้วย





ปลูกกว่าจะรอดเจอมารผจญเยอะ เหลือไม่กี่ต้นโดนนกจิกกินยอดหมดเลย



เห็นดอกออกมาแล้ว 



ความฝันเริ่มเป็นจริง 




เก็บเกี่ยวเยอะพอสมควร 



เก็บเกี่ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนฝักใดที่แก่เกินเม็ลดแข็งมากๆ อายุเกินก็จะจับปอกกลับด้านตากทำพันธุ์ต่อไป ^0^