กล้วยอบน้ำผึ้งทอด (กล้วยตากทอด)

กล้วยตากทอด 

กล้วยตาก ประมาณ 20 ลูก (ตามต้องการ ไม่หั่น หรือจะผ่าครึ่งจะได้เยอะขึ้น)
แป้งทอดกรอบ ประมาณ 1/3 ถ.
หัวกะทิเย็นจัด ประมาณ 1/2ถ.
น้ำเปล่าเย็นจัด ประมาณ 1/2ถ.  (อย่าเทหมด ค่อยๆเติมเพื่อลดความข้น หรืออาจจะมากกว่า)
เกลือป่น 1/2 ชช. หรือน้อยกว่า
น้ำมันสำหรับทอดกะพอท่วม (ใช้เยอะน้ำมันเสีย เพราะทอดเสร็จก็จะกรอกใส่ขวดนำไปขายอย่าเทลงท่อนะคะ)




-ผสมแป้งทอดกรอบ กะทิ น้ำเปล่าเกลือ ให้มีลักษณะข้นเหมือนนมข้นหวาน
-นำกล้วยตากลงไปคลุกชุบแป้งให้ทั่ว
-นำลงทอดในน้ำมันที่ร้อน ที่สำคัญ ไฟปานกลาง อย่าแรง เดี๋ยวกล้วยจะไหม้ หมั่นขยับดูพลิกกล้วยให้สุกสีสวยทั่วกัน
-นำสะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น ค่อยเสริฟ 
**ถ้าเสริฟตอนร้อน กล้วยตากเนื้อจะฟู ไม่ค่อยหนึบ   แต่พอพักให้เย็นตัวกล้วยจะหนึบหนุบหนับอร่อย

กล้วยตากของแท้ 

เตรียมตัวคลุกแป้งแล้วจ้า 

ผสมแป้ง กะทิ น้ำ เกลือคนให้เข้ากัน เหนียวข้นเหมือนนมข้นหวานหรืออาจจะใสกว่าตามชอบ ข้นจะได้แป้งหนา ถ้าใสจะได้แป้งบาง แต่จะแตกง่ายด้วยจ้า 

คลุกเคล้าให้ทั่ว 

หย่อนลงกะทะ ทอด หรี่ไหอย่าแรง ใช้ไฟกลาง 

หมั่นพลิกหน่อยไม่งั้นจะมีแต้มสีน้ำตาล เราใช้น้ำมันน้อยด้วยจ้ากลัวเปลืองน้ำมันอ่ะใช้เสร็จก็กรอกใส่ขวดเตรียมขายน้ำมันเก่า 

กลับให้เหลืองทองครบ 2 ด้าน ตักสะเด็ดน้ำมัน  

พักให้เย็นแล้วเสริฟ กล้วยจะหนึบ อร่อย  

มาก 

น้อยหน่าเนื้อ น้อยหน่าหนัง

ลักษณะของน้อยหน่าหนัง ดูจากเปลือก ตาใหญ่  ตื้น  ร่องของตาจะสีออก ชมพูเรื่อๆ  เมื่อปอกเปลือกจะลอกออกเป็นแผ่นเหมือนแผ่นหนังเป็นผืนๆ  เราชอบกินมากๆเลย ตัวเนื้อจะติดกันเป็นก้อนๆลักษณะดังภาพ

น้อยหน่าเนื้อ เป็นน้อยหน่าที่มีมาอยู่คู้ฟ้าเมืองไทยมานานมากๆเลย ลักษณะ ที่คนชื่นชอบคือ เนื้อหวานจัดหอม แน่นอน แต่ที่ไม่ชอบคือ เนื้อเป็นกลีบๆ ไม่ติดกัน เป็นลักษณะของ เนื้อหุ้มเมล็ด เมล็ดใครเมล็ดมัน ดังภาพ  พันธุ์นี้ ไม่ชอบกินเลย


***ที่ต้องพิมพ์บอกเพราะเหมือนบันทึกช่วยจำ เพราะเดี๋ยวนี้เริ่มสับสนว่า อันไหนคือ น้อยหน่าเนื้อ น้อยหน่าหนัง  แถมเดี๋ยวนี้มีหลากหลายพันธุ์  เช่นน้อยหน่าเพ็ชรปากช่อง  (อืม พันนี้ ไม่ชอบ ลักษณะ หวานน้อยกว่าเพื่อนเลย แต่รูปทรงใหญ่อลังการมาก เนื้อน้อยหน่าจะแน่นกว่าน้อยหน่าหนัง เนื้อในน้ำน้อย 

พยาธิในปลาน้ำเค็ม พยาธิอะนิคาซิส

พยาธิอะนิคาซิส


ดึงออกจากเนื้อยากมาก เนื้อปลาที่พบหลายครั้งมี ปลาเก๋า เป็นกระจุกบ้าง กระจายตามเนื้อตัวบ้าง ส่วนที่จะพบมากทุกครั้งที่ทำคือพุงปลา กับเครื่องในปลาทั้งหลาย บางครั้งก็เจอตามเนื้อปลา กระจายเป็นเส้นๆ อิอิ (เรามันนักชำแหละ สงสัยมานาน พึ่งหาคำตอบว่ามันคือพยาธินั่นเอง) 555+

ความน่ากลัวของมันคือการกินตัวอ่อน ดิบๆ มีชีวิตอยู่นั่นเอง  ถ้าเอามาประกอบอาหาร สุกเรียบร้อยดีจ้า ลำพังส่วนใหญ่เราจะเจอในสภาพตายแล้ว คือแข็งเป็นเส้นๆ **แอบคิดว่าตอนมันยังไม่ตาย ปลาคงทรมานน่าดูเลย เพราะผ่าท้องปลาออกมา มีลิ่มเลือดออกเป็นจุดๆก้อนๆเลย

การทำครัวก็เป็นเช่นนี้ สมัยก่อนทำไส้ไก่ที่พึ่งถูกเชือด เจอพยาธิตัวขาวๆอ้วนๆ กระดื้บ ๆ เยอะแยะตามลำไส้ของไก่เลยด้วยซ้ำ เจอหลากหลาย ให้ขนลุกขนพอง สยองมากน้อยแล้วแต่สิ่งที่ทำอยู่

*พยาธิชนิดนี้ส่วนใหญ่เจอใน ปลาแซลมอน ปลาคอด ปลาดาบ ฯลฯ ทางที่ดีบริโภคเนื้อปลาสุกดีที่สุด
ในข้อมูลที่เสิชในกูเกิ้ล ส่วนใหญ่พยาธิชนิดนี้ตายเมื่อโดนแช่แข็ง อุณหภูมิ -20 องศา แต่เราสนับสนุนให้กินแต่ของสุกจะดีกว่าไม่งั้นเข้า  รพ.  แน่ แถมรักษายากซะด้วย

พยายามถ่ายให้ชัดเจน 

ลักษณะเอาพยาธิออกยากมาก ตัวมันชอนไชไปในเนื้อของปลาเป็นจุดๆ 

บางตัวมันก็จะฝังตัวในเนื้อปลา แต่ตายแล้วนะ 

ดึงออกค่อนข้างยากหน่อย 

ต้องดึงทีละเส้นๆเลยจ้า

แกงส้ม ชะอมไข่ทอด

แกงส้ม ชะอมไข่ทอด กุ้งสด 

ทอดชะอมกับไข่พักไว้ 

ต้มพริกแกงส้มกับน้ำเปล่า 

พอเดือดปรุงรสตามชอบ 

เทชะอมที่หั่นเป็นชิ้นพอคำลงไปในน้ำแกงส้ม 

ต้มให้เดือดจัด 

เทกุ้งสดที่เตรียมไว้ ปล่อยให้เดือดอีกครั้งแล้วตักเสริฟ 

เมื่อเสริฟ 

กินอย่างสะใจมากๆ ชอบอะไรก็ใส่แบบนั้น 555+

ส่วนของพริกแกงส้ม

พริกแห้งเม็ดใหญ๋ (นำไปแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออกสะเด็ดน้ำ)  10 เม็ด
หอมหัวแดง ประมาณ 1/2 ถ. ปอกเปลือก จะซอยไว้ช่วยให้ปั่นสะดวกขึ้น
กระชาย ใช้ประมาณ 4-5 เส้น
กะปิ  1/2 ทัพพี
เนื้อปลาช่อน หรือเนื้อปลาทู เนื้อปลานึ่ง อะไรก็ได้ ประมาณ 1/2 ถ. เพิ่มตัวเนื้อในน้ำให้น่ากิน
** ชอบเผ็ด เติมพริกสด ตำละเอียดลงไปตามชอบ

นำ พริก หอมแดง กระชาย กะปิ พริกสด** ตำให้ละเอียด ตามด้วยเนื้อปลา โขลกรวมกันพักไว้
-ต้มน้ำประมาณ 2 ลิตร หรือมากกว่าหรือจะน้อยกว่าตามชอบ ความข้นของตัวแกงจะขึ้นกับน้ำ
-เตรียมน้ำมะขามเปียก นำเนื้อมะขามเปียกแช่ลงในน้ำอุ่น บีบๆ คั้นๆให้ได้น้ำข้นๆ ไว้เตรียมรสเปรี้ยว+ มะนาว 1 ลูกหรือน้ำส้มสายชูประมาณ 1/2 ทัพพี

  **เคล็ดลับ ที่ให้ใส่มะนาวหรือน้ำส้มสายชู เพราะ ความเปรี้ยว ธรรมชาติของน้ำมะขามเปียก จะรสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ เวลากินตามร้านอาหารค่อนข้างจะจี๊ด จ๊าด อร่อย รสจัดขึ้น

ส่วนรสเค็มเพื่อความกลมกล่อม ก็เกลือประมาณ 1/2 ชต. ส่วนปรุงเพิ่มคือน้ำปลา
ความหวานใช้น้ำตาลปี๊บ ตัดกับน้ำตาลทรายขาว ตอนเตรียมเสริฟ

กล่ำต้มซีอิ้วเจ

กล่ำต้มซีอิ้วเจ

ล้างกล่ำให้สะอาด จับผ่าแบ่ง 4 ส่วนหรือจะมากส่วนแล้วแต่กระทะ

-นำกล่ำที่หั่นแล้วลงผัดในกระทะให้เปลือกนอกไหม้เกรียมเล็กน้อยเพื่อความหอม แล้วพักไว้
-เห็ดหอมแช่น้ำแล้วบีบน้ำออก เก็บน้ำเห็ดหอมไว้สำหรับ ต้มกล่ำ
-ส่วนของดอกเห็ดหอมนำมาฉาบกระทะหรือทอดตามก็ได้ให้มีกลิ่นหอม หั่นเป็นชิ้นตามชอบ
-น้ำเปล่านำผสมกับน้ำเห็ดหอมพอให้ขลุกขลิกกับตัวกล่ำที่ต้ม (อย่าใส่มาก)
-ในบางสูตรจะใส่ต้นขึ้นฉ่ายลงไปผัดเพิ่มความหอม กับฟองเต้าหู้ทอด (ก่อนใส่นำไปแช่น้ำให้นิ่มแล้วบีบน้ำกับน้ำมันในตัวออกก่อนใช้)


เมื่อทอดกล่ำเสร็จ นำกล่ำผัดกับเห็ดหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ้วขาวเจ เติมน้ำเห็ดหอมและน้ำเปล่า (อาจจะใส่หู่กี หรือฟองเต้าหู้ทอด ลงไปด้วย เพิ่มความอร่อย) เมื่อปรุงทุกๆอย่างเข้าที่ ตักใส่หม้อ ตั้งไฟ ต้มเดือดอีกให้ตัวกล่ำสลดเนื้อกล่ำใส แต่ไม่เละ ตักเสริฟได้เลยจ้า

กานาฉ่าย (ผักน้ำมัน ลูกสมอ)

กานาฉ่าย  (ผักต้มน้ำมัน)

บางสูตรใช้กานา สีออกม่วงๆ ดำๆ แบบแกะเม็ด แต่เราไม่นิยม เราใช้เป็นแบบเขียว

กานา แบบเขียว (ซื้อได้ตามร้านของชำของแห้งขายหมี่ซั่ว เส้นหมี่ เข่งขนมเครื่องปรุงขนมในตลาดใหญ่ ) 

ผักกาดดองเปรี้ยว (เน้นใบ) 

เห็ดหอมแช่น้ำ จัดไป แช่น้ำนิ่ม ผัด 

เห็ดหอมหั่น ทอดผัดให้หอม  ส่วนผักกาดดอง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ซอย ล้างน้ำ หลายๆน้ำ 

เริ่มลงต้มในน้ำ (ภาพนี้ภาพเก่าต้องดึงมาจากเฟส ฮาร์ดดิสเก่าเจ้ง ภาพหายเกลี้ยง) 

เมื่อต้มเริ่มได้ที่ก็เติมน้ำมัน 

ค่อยๆผัดอย่างใจเย็น ถ่านมอดแล้วจ้า 

สภาพเมื่อได้ที่  

สำเร็จเสร็จสิ้น 

เริ่มด้วย ผักกาดดองเลย ซื้อมา4โลครึ่ง นำมาเลาะๆ ล้าง แล้วซอยให้เป็นฝอยๆ จัดใส่หม้อ เราคัดแต่ใบ ได้มาประมาณ 3 กิโลครึ่ง (พวกใจผักไว้ทำอาหารแบบอื่นได้ ) ล้างน้ำเปล่า แล้วบีบเอาน้ำในผักกาดดองออก เพื่อให้ผักกาดดองจืด ประมาณ 3-4 น้ำ (ไม่ไหว หมดแรง)  หลังจากนั้น นำผักกาดดอง แช่น้ำเปล่าทิ้งไว้เลยจ้า  1 คืน วันรุ่งขึ้นจัดไปบีบ คั้นเอาน้ำออกแล้วพักไว้ รอต้ม

เห็ดหอม แช่น้ำให้นิ่ม จัดการผัดในกระทะถ้าอยากให้เห็ดหอมมีรสชาติยิ่งขึ้น ตอนผัดกับน้ำมันใส่ซีอิ้วขาวเล็กน้อยกับน้ำตาล ให้หอม ซอยเป็นขนาดตามต้องการพักไว้

ลูกสมอ  วันนี้ใช้ต่อ 3 กิโลเราใช้ประมาณ 15-20 ลูกแบบนี้ไม่เค็ม(เราขอให้สมอแบบหมักกึ่งสดนะ จะมีรสเค็มๆ หอมๆ มีข่าปนอยู่ ) ได้มา จัดการล้าง  กลัวพวกกรวดทรายปนมา จากนั้น จะปอก จะผ่า หรือจะบุบให้กลิ่นและรสชาติออก งานนี้ปอก เพราะกลัวเม็ดแตกแล้วเวลาเคี้ยวจะปวดฟันเพราะเคี้ยวเจอเศษของเม็ดสมอ จากนั้น  พักไว้  นำลูกสมอลงทอดในน้ำมันจากนั้นนำมาพักไว้

น้ำมันพืช (วันนี้ทำเอง ใช้น้ำมันดอกทานตะวัน) 500 ซีซี

น้ำตาลทรายเล็กน้อย พอที่จะปรุงให้รสชาตินำออกหวานอ่อนๆ

หลังจากนั้นนำหม้อ ใส่น้ำเปล่า พอท่วมผักกาดดองที่บีบล้างสะเด็ดน้ำไว้ (แค่พอท่วมนะ)  จากนั้นปรุงรสน้ำตาลทราย ลงไป ชิมรสให้หวานจางๆ จากนั้นต้มไปเรื่อยๆ จนชิมแล้วตัวผักเริ่มนิ่ม  (คราวนี้ดูระดับน้ำ ถ้าน้ำเยอะให้วิดน้ำออก  เราต้องการให้ผักหมาด คือ น้ำแทบจะไม่มี เพราะจะเริ่มเทน้ำมันลงในหม้อแล้ว  คราวนี้คอยหมั่นผัด ชิมรส ให้มีรสชาติ เค็มน้อยๆหรืออาจจะไม่เค็มปล่อยมันไปก่อน  ตามด้วยลูกสมอ ลงไปคอยผัด อย่าให้ไหม้  (แต่วันที่ทำไม่ได้เติมเค็มเพราะผักกาดแต่ละเจ้าดองเค็มไม่เหมือนกัน บางเจ้า เรือเกลือจม เค็มจัดเกิน)  เมื่อน้ำงวดจนเริ่มมีเสียง เปรี้ยะปร๊ะ  ก็ใส่่เห็ดหอมลงไป หรี่เตา (แต่ตอนเราทำ เราตั้งในเตาถ่าน ประมาณ แบบ ถ่านมอดอ่ะ ไฟอ่อนรุมๆ ไปเรื่อย ๆ คอยผัด อย่าให้ผักนิ่ง ติดก้นหม้อ เดะไหม้จ้า (ไฟรุมๆ ไปประมาณ 3 ชั่วโมง) ก็เริ่มใช้ได้แล้ว อีกอย่างน้ำแห้ง ตัวน้ำมันจากใสๆ จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว น่ากินมากๆเลย

***ถ้าใครใช้สมอสีม่วงดำ หนำเลี้ยบ แบบน้ำค่อนข้างเค็มจัด การปรุงควรระวังชิม และค่อยๆเติมรสชาตินะจ๊ะ

การทำกานาฉ่ายเอง ดีอย่าง คือ สะอาด เครื่องปรุงอะไร ก็รู้ ควบคุมปริมาณ โซเดียม ได้ดี เพราะบางเจ้า กานาฉ่าย ทั้งมันย่อง เค็มเกิน ซึ่งมีผลต่อคนมีอายุ เรื่องความดันโลหิตสูง  โรคไต  และไขมันในเส้นเลือด เราสามาถรเลือกที่จะทำได้ทั้งหมดอ่ะจ้า

ทำวานิลาไว้ใช้ทำขนมและอาหาร

วานิลาหอมๆ ได้ที่แล้ว 

วิธีบ่มหมักกลิ่นหัวเชื้อวานิลา ไว้ในการทำขนมและอาหารหรือเครื่องดื่ม

ถอยฝักวานิลามาจากเน็ต รวมค่าส่ง 10 ฝัก จ่ายไป400 ค่าส่ง 50 บาท เราใช้ไซด์ใหญ่
ซื้อเหล้า  ว๊อดก้า   1  ขวด ใช้ประมาณ 250 ml  (ด้วยความงก ซื้อขวดใหญ่มาเลย ไว้รอทำหลายๆงวดดู

ตวงว๊อดก้า ใส่ขวด ตวงตามสูตร  250 ml
ฝักวานิลา แกะออกมาเอามีดกรีดเอาไส้เนื้อของฝักออกมาด้วย แล้วนำไปแช่ในขวดว๊อดก้าที่เตรียมไว้
เขย่าให้วานิลาแตกตัว
**** ช่วงแรกๆ เขย่าขวดทุกๆวันเลย เพื่อให้กลิ่นกระจายทั่วถึงกันถ้าช่วงหลังๆ เห็นนึกได้ก็จับเขย่า ต้องบ่มกลิ่นถึง 6 เดือน ถึงจะหอมจ้า

**** เราซื้อวานิลามาจากร้าน   Homme vanille

ผักวานิลา(มาดากัสก้า) 

เหล้าว๊อดก้า เตรียมไว้ประมาณ 250-300 มล.

กรีดฝักวานิลาแคะๆขูดๆ เอาไส้ใสออกมาลงในว๊อดก้า 

ทั้งฝักและเนื้อลงแช่เขย่าขวดทุกวัน รออีก 6 เดือนเจอกัน 

               

ได้ที่แล้ว ยังไม่ว่ากรองเลย แต่กลิ่น สุดยอดเลยจ้า 

ปลูกหัวไช้เท้า

                     เพิ่งเคยเห็นหัวผักกาดงอก ตัวหัวจะโผล่พ้นดินขึ้นมา ประมาณ 1/2 ของหัวเลย

ปลูกหัวไช้เท้า 

วิธีปลูก 

ปลูกตามขั้นตอนข้างถุงเลย ฤดูที่ปลูกแย่หน่อยดันมาปลูกหน้าฝน ตกจนใบเน่าเลย พยายามถอนแต่งให้ต้นที่งอก เกือบ 100 % ในการงอก  ออกไปบ้าง เพราะมันถี่เกิน

งานนี้ได้ เยอะมาก จนต้องนึกว่าจะทำอะไรกินบ้างนอกจากการแจกเพื่อนบ้าน

ได้คือ น้ำแกงจืดหัวไช้เท้า  ขนมหัวผักกาดทรงเครื่อง  ต้มจับฉ่าย สารพัดจะกิน 5555+

เมื่อวันเก็บเกี่ยวมาถึง  

เก็บเตรียมล้างหัวให้สะอาดแล้วนำไปปรุงอาหารจ้า 

หลังจากนั้น ก็เป็นแบบนี้จ้า

ขนมหัวผัก กาดทรงเครื่อง

เสร็จจำหน่ายจ่ายแจกจ้า

กาด

น้ำจิ้มปลาหมึกปิ้ง

น้ำจิ้มปลาหมึกปิ้ง

ในถ้วยซ้ายมือ เป็นน้ำจิ้มปลาหมึกปิ้ง ส่วนในถุงเป็นน้ำจิ้มปลาย่างแมงดา

สูตรเอาอย่างง่ายเลยจ้า แบบคนมือใหม่

น้ำจิ้มไก่ ประมาณ 1 ถ.
ซอสพริกศรีราชา หรือยี่ห้อไหนก็ได้ 1/2 ถ.
ผักชีหั่น ประมาณ 1/4 ถ.
พริกชี้ฟ้าสด ประมาณ1/2 ถ.
กระเทียมสดแกะกลีบ ประมาณ 1/2 ถ.
น้ำตาลทราย 1/2 ถ.
น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ.
**กระเทียมกับพริกชี้ฟ้าให้นำมาโขลกรวมกัน (ใช้แต่งรสเผ็ดกรณีที่ไม่แซบ เติมเลยจ้า